top of page

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มต้นธุรกิจ Fitness

อัปเดตเมื่อ 7 ส.ค. 2565

หลากหลายคำถามเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มเข้าถึงการออกกำลังกายแบบจริงจัง และคิดว่ามันเป็นหนึ่งช่องทางที่สามารถทำกำไรได้ แต่การที่เรารักในการออกกำลังกายอย่างเดียว คงไม่เพียงพอในการนำมันมาพัฒนาให้เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ เพราะอย่าลืมว่าองค์ประกอบในการทำธุรกิจนั้นมีค่อนข้างหลากหลาย อย่างเช่น ด้านสินค้าและบริการ ด้านการเงิน หรือด้านการตลาด

และมันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้ที่ไม่เคยศึกษาเบื้องลึกของธุรกิจ Fitness

ดังนั้นบทความนี้จะเป็น แนวทางเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ต้องการประกอบธุรกิจ Fitness โดยเนื้อหาจะคลอบคลุมข้อมูลโดยรวมที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรู้ก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจนี้ และสุดท้ายมันจะช่วยคุณในการตัดสินใจว่าควรจะเริ่มต้นธุรกิจนี้หรือไม่


ใครเหมาะกับธุรกิจ Fitness ?

แนะนำให้เริ่มที่การสำรวจตัวเองกันก่อนครับ เพราะคนที่จะเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ Fitness ได้ นั้นจะต้องรักและหลงใหลในการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะคุณต้องใช้เวลาทั้งหมดในการดำเนินธุรกิจของคุณ ไปกับสิ่งเหล่านี้ เช่น การเลือกเครื่องออกกำลังกาย หรือ การคัดเลือกคนที่จะมาเป็นเทรนเนอร์

ธุรกิจนี้จึงอาจจะไม่เหมาะกับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องการออกกำลังกายมาก่อน หรือต้องการตารางเวลาที่ยืดหยุ่น

  • มีความหลงใหลในการออกกำลังกายและการรักษาสุขภาพ

  • พร้อมสละเวลามาดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเริ่มต้น

  • มีทักษะบริหารจัดการคนที่ดี

  • เข้าใจรายได้และค่าใช้จ่ายของธุรกิจ พร้อมกับความรู้ด้านการทำบัญชี

  • มีพื้นฐานด้านการตลาด (ถึงแม้จะสามารถจ้างผู้เช่ียวชาญได้ก็ตาม)

ถ้าคุณได้ติ๊กเครื่องหมายถูกในทุกข้อ หรือมากกว่าครึ่ง ก็ยินดีด้วยครับ คุณน่าจะพร้อมสำหรับการเป็นเจ้าของธุรกิจ Fitness แล้ว

กลุ่มลูกค้าของธุรกิจ Fitness หน้าตาเป็นอย่างไร ?


UFC GYM แฟรนไชส์

แน่นอนว่าพวกเขาต้องมา เพื่อออกกำลังกาย แต่จุดประสงค์และเป้าหมายของพวกเขาก็จะแตกต่างกันไป เช่น บางคนออกกำลังกายเพียงเพื่อลดน้ำหนักอย่างเดียวเท่านั้น ในขณะที่อีกคนต้องการที่จะได้รูปร่างในฝันของตัวเอง และอาจจะต้องการเทรนเนอร์ส่วนตัวเพื่อผลักดันพวกเขาให้ไปถึงเป้าหมายนั้น

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารูปแบบไหน ในมุมผู้ประกอบการ ภารกิจของเราคือต้องตอบโจทย์เป้าหมายพวกเขามากที่สุด เพื่อที่สุดท้ายพวกเขาจะรักการออกกำลังกาย และตกลงสมัครสมาชิกกับเราในระยะยาว

และในทางตรงกันข้าม ลูกค้าที่ไม่ใช่ สำหรับธุรกิจ Fitness จะเป็นกลุ่มคนที่เข้ามาสมัครสมาชิก และหลังจากนั้นไม่นานก็ต้องการจะยกเลิกสมาชิก ซึ่งอาจจะเป็นอย่างเช่น คนที่ออกกำลังกายตามเทรนด์ ตามเพื่อน หรือแค่อยากมาทดลองเล่นเท่านั้น แต่ Gym ส่วนใหญ่มักแก้ปัญหาด้วยการ คิดค่าธรรมเนียมการยกเลิก มีราคาแบบรายวัน (แต่รายเดือนจะถูกกว่ามาก) หรือ คิดค่าแรกเข้า ป้องกันการยกเลิก

ธุรกิจ Fitness ได้เงินจากทางไหนบ้าง ?

นแต่ละปี ผู้คนหลักล้านเลือกสมัครสมาชิกกับ Gym ซึ่งแน่นอนว่าเบสิคของรายได้นั้นก็มาจาก ค่าสมัครสมาชิกรายปี รายเดือน หรือ รายวัน แต่สำหรับบางที่ก็ไม่ได้มีเพียงแค่นั้น แต่พวกเขายังสามารถทำเงินด้วย บริการเสริมอื่นๆได้ อย่างเช่น


คลาสพิเศษต่างๆ

  • โยคะ (Yoga)

  • แอโรบิค (Aerobic Class)

  • เซอร์กิต (Circuit Training)

  • มวยไทย (Thai Boxing)

  • การฝึกทักษะป้องกันตัวยูยิตสู (Jiu Jitsu Training)

  • เต้นรำ (Dance Class)

  • ครอสฟิต (Crossfit)

โดยอาจจะเรียกเก็บลูกค้าเป็นรายครั้ง รายเดือน หรือเหมารวมกับค่าสมาชิกไปเลยก็ได้

สินค้าและบริการเสริม

  • เทรนเนอร์ส่วนตัว

  • บาร์อาหารและเครื่องดื่ม

  • ซาวน่า

  • อาหารเสริม

  • ตารางโภชนาการ

สามารถบอกได้ว่าธุรกิจ Fitness นั้นไม่ได้มีรายได้จากค่าสมัครสมาชิกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะทั้งนี้ ธุรกิจสามารถทำเงินได้จากช่องทางอื่นๆ ที่ได้ยกตัวอย่างไป ซึ่งในบางครั้งช่องทางเหล่านี้อาจจะมีสัดส่วนรายได้เท่ากับ หรือมากกว่าช่องทางหลักอย่าง ค่าสมัครสมาชิกก็ได้ครับ